- บาท - (-%)

Green Logistics คืออะไร | โลจิสติกส์สีเขียวเพื่อธุรกิจยั่งยืน

22 มกราคม 2568

Green Logistics คืออะไรและมีแนวทางการดำเนินงานอย่างไร

กรีนโลจิสติกส์ (Green Logistics) คือแนวคิดและกระบวนการในการจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานที่เน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงความยั่งยืนในด้านทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) แนวคิดนี้ส่งเสริมให้กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง การจัดเก็บสินค้า และการบริหารจัดการคลังสินค้า สามารถลดผลกระทบทางลบต่อโลกได้มากที่สุด ในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพและผลกำไรของธุรกิจไว้เช่นเดิม

ความสำคัญของ Green Logistics

  1. ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    Green Logistics ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ (CO) และมลพิษอื่น ๆ ที่เกิดจากการขนส่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน อีกทั้งยังลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมันและพลังงานฟอสซิล โดยส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ยานพาหนะไฟฟ้า การขนส่งทางราง หรือการใช้พลังงานทางเลือก

  2. สนับสนุนความยั่งยืนในระยะยาว

    การนำ Green Logistics มาใช้ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างสมดุลระหว่างผลกำไรและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สนับสนุนการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และลดการสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น แนวทางนี้ยังช่วยให้ธุรกิจมีบทบาทสำคัญในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เช่น การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) และการใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy)

  3. สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

    การดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับหลักการ Green Logistics ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรในฐานะที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ธุรกิจจึงสามารถดึงดูดลูกค้าและสร้างความภักดีต่อแบรนด์ได้มากขึ้น นอกจากนี้ การปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมยังช่วยให้สามารถเข้าสู่ตลาดต่างประเทศที่มีกฎระเบียบเข้มงวดได้ง่ายขึ้น

  4. ลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว

    การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การปรับปรุงเส้นทางขนส่ง (Route Optimization) หรือการใช้ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ (Smart and Green Logistics) ช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงและเวลาขนส่ง นอกจากนี้ การเลือกใช้วัสดุหรือบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการของเสียและส่งเสริมการใช้ซ้ำในห่วงโซ่อุปทาน

  5. ช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม

    หลายประเทศมีกฎหมายและมาตรฐานที่เข้มงวดเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการจัดการขยะจากกระบวนการโลจิสติกส์ การนำ Green Logistics มาใช้ช่วยลดความเสี่ยงในการละเมิดกฎหมายและค่าปรับ อีกทั้งยังส่งเสริมความยั่งยืนในสายตาของหน่วยงานกำกับดูแล

  6. มีส่วนช่วยสร้างสังคมที่ยั่งยืน

    Green Logistics ช่วยลดมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และไอเสียจากยานพาหนะ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ การลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและการปล่อยของเสียยังช่วยป้องกันการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ส่งเสริมความยั่งยืนของสังคมและโลกในระยะยาว

หลักการที่สำคัญของ Green Logistics

  1. Eco-drive: เป็นการใช้เทคนิคการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การขับขี่อย่างประหยัดพลังงาน โดยการลดการเร่งเครื่องหรือการเบรกที่รุนแรง ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการใช้น้ำมัน เชื่อมโยงกับการใช้ยานพาหนะที่มีเทคโนโลยีสะอาดหรือยานพาหนะที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน
  2. Full Truck Load: เป็นการขนส่งสินค้าภายในรถบรรทุกให้เต็มพื้นที่ เพื่อให้การขนส่งสินค้าครั้งเดียวมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดจำนวนเที่ยวที่ไม่จำเป็น และลดการใช้พลังงานในการขนส่ง ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ที่เกิดจากการขนส่ง
  3. Eco-Packaging: Green Logistics ไม่ได้ใส่ใจแค่กระบวนการขนส่งสินค้าเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงวัสดุที่ใช้ด้วย โดยจะเลือกใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ หรือวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยลดขยะจากบรรจุภัณฑ์และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น การใช้พลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ หรือวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ทำไมถึงควรปรับตัวแนวทางของ Green Logistics

  1. ต้นทุนการขนส่งสินค้าลดลงและผู้โดยสารลดลง: การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการวางแผนเส้นทางที่มีประสิทธิภาพช่วยลดการใช้พลังงานและเวลาการขนส่งที่ตรงกับแนวคิด Green Logistics จะทำให้ลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า นอกจากนี้การใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น รถไฟฟ้า หรือการขนส่งทางรางที่มีประสิทธิภาพสูง ยังช่วยลดจำนวนผู้โดยสารที่ไม่จำเป็น และลดต้นทุนการเดินทางของพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ต้นทุนการดำเนินธุรกิจลดลงจากปัจจัยต่าง ๆ: Green Logistics สนับสนุนการลดการใช้พลังงานฟอสซิลและการพึ่งพาพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีในการจัดการคลังสินค้าและการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ ยังช่วยลดการสูญเสียทรัพยากรและลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจโดยรวม
  3. การเพิ่มโอกาสทางการค้า: การปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวทาง Green Logistics ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรและเพิ่มความน่าเชื่อถือในตลาด โดยเฉพาะกับผู้บริโภคที่มีความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม การเลือกใช้ธุรกิจที่ยั่งยืนสามารถดึงดูดลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังช่วยเปิดโอกาสในการเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ที่มีความต้องการสินค้าจากธุรกิจที่ดำเนินการอย่างยั่งยืน

ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวตามแนวทางของ Green Logistics ได้อย่างไร

  1. การเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า (Model Shift) – การปรับเปลี่ยนจากการขนส่งด้วยรถบรรทุกที่ใช้พลังงานฟอสซิล มาเป็นการขนส่งทางรางหรือทางน้ำที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า รวมถึงการนำยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานไฮโดรเจนมาใช้งาน ซึ่งตรงกับแนวคิด Green Logistics อย่างแท้จริง
  2. การขนส่งสินค้าร่วมกัน (Joint Transportation) – โดยการร่วมมือกับผู้ประกอบการรายอื่นที่มีเส้นทางหรือปลายทางใกล้เคียงกัน เพื่อลดจำนวนเที่ยววิ่งของรถขนส่ง ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการโลจิสติกส์
  3. การรวมและจัดวางตำแหน่งที่ตั้งของคลังสินค้าหรือศูนย์กระจายสินค้า (Unification and Relocation of Cargo Bases) – จัดตั้งคลังสินค้าใกล้ตลาดเป้าหมายหรือจุดกระจายสินค้าเพื่อลดระยะทางและพลังงานในการขนส่ง รวมถึงการรวมศูนย์คลังสินค้าให้มีขนาดใหญ่และใช้ระบบจัดการอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
  4. เทคโนโลยี – นำระบบ IoT และ AI ที่นิยมในธุรกิจ Green Logistics สำหรับการวิเคราะห์และวางแผนเส้นทางขนส่งมาใช้งาน รวมถึงติดตั้งระบบจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะเพื่อลดการใช้พลังงาน การใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือโดรนสำหรับการขนส่งในระยะใกล้ และเลือกใช้ซอฟต์แวร์สำหรับติดตามและลดคาร์บอนฟุตพรินต์
  5. โครงสร้างพื้นฐาน – การสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า การปรับปรุงเส้นทางขนส่งเพื่อสนับสนุนการขนส่งทางรางและทางน้ำ และการพัฒนาโครงข่าย Green Logistics ที่ช่วยลดระยะเวลาขนส่งและประหยัดพลังงาน
  6. นโยบายภาครัฐ การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ – เข้าร่วมโครงการหรือแผนงานที่ส่งเสริม Green Logistics การได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับธุรกิจที่ใช้พลังงานสะอาด และการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในห่วงโซ่อุปทาน เช่น การแบ่งปันข้อมูลหรือการพัฒนาระบบขนส่งข้ามพรมแดนที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบัน บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS ได้เดินหน้าเต็มที่ โครงการ Green Logistics ที่นำรถบรรทุกไฟฟ้า (EV) มาใช้ขนส่งเชื้อเพลิงแทนการใช้รถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซลและ NGV เดิม โดยปัจจุบันมีรถบรรทุก EV เริ่มใช้งานแล้ว 215 คัน และมีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 500 คัน พร้อมกับติดตั้งสถานีสับเปลี่ยนและสถานีชาร์ตแบตเตอร์รี่ ตามจุดต่าง ๆ ระหว่างทางที่กำหนดรวม 8 แห่ง ภายในปี 2570 ทั้งนี้รถบรรทุก EV ทั้งหมดจะใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจาก Floating Solar Farm ของบริษัทฯ เป็นหลัก ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งเชื้อเพลิงได้กว่า 50% ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ Green Houses Gas ได้อย่างยั่งยืนและสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ NPS ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบาย Net Zero Emission ของประเทศให้บรรลุเป้าหมาย ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) หรือ ESG ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างแท้จริง