- บาท - (-%)

ภาวะโลกร้อน (Global Warming) คืออะไร | เข้าใจปัญหา สาเหตุและผลกระทบ

05 กุมภาพันธ์ 2568

ภาวะโลกร้อน (Global Warming) คืออะไร รู้เท่าทันปัญหาและสาเหตุจากสภาวะโลกร้อน

ภาวะโลกร้อน (Global Warming) คือการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในระยะยาว อันเนื่องมาจากการสะสมของก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) ในชั้นบรรยากาศ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ (CO) มีเทน (CH) และไนตรัสออกไซด์ (NO) ซึ่งก๊าซเหล่านี้กักเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ในบรรยากาศ ทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นเกินกว่าที่ควรจะเป็น จนเกิดปัญหาโลกร้อนขึ้นในระยะยาว

สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

สาเหตุของภาวะโลกร้อน (Global Warming) มักมาจากกิจกรรมของมนุษย์และกระบวนการทางธรรมชาติที่เพิ่มความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

  1. การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล: สาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน (Global Warming) ซึ่งพบได้ทั่วโลก คือการใช้พลังงานจากถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติในภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง และการผลิตไฟฟ้า อันเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO) และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ที่สำคัญที่สุด
  2. การตัดไม้ทำลายป่า: การลดจำนวนต้นไม้ที่ทำหน้าที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้มีการสะสมของ CO ในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดภาวะเรือนกระจกและปัญหาโลกร้อนตามมา
  3. กระบวนการเกษตรกรรม: การทำปศุสัตว์และเกษตรกรรมปล่อยก๊าซมีเทน (CH) และไนตรัสออกไซด์ (NO) ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพในการกักเก็บความร้อนสูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
  4. ขยะและการจัดการของเสีย: การฝังกลบขยะทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทนจากการย่อยสลายอินทรียวัตถุ นอกจากนี้ยังมีมลพิษจากการเผาขยะที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้เหมือนกัน
  5. การใช้สารเคมีและอุตสาหกรรม: สารเคมีบางชนิด เช่น สาร CFCs (Chlorofluorocarbons) ที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น มีศักยภาพในการทำลายชั้นโอโซนและเพิ่มอุณหภูมิของโลก จนเกิดปัญหาโลกร้อนในที่สุด
  6. การขยายตัวของเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน: การเพิ่มขึ้นของพื้นที่คอนกรีตและแอสฟัลต์แทนพื้นที่สีเขียว ส่งผลให้เกิด “เกาะความร้อน” ในเมือง ซึ่งทำให้อุณหภูมิในเขตเมืองสูงขึ้น เมื่อสะสมในหลายพื้นที่จึงทำให้โลกเข้าสู่ภาวะโลกร้อน (Global Warming)
  7. การบริโภคเกินความจำเป็น: ภาวะโลกร้อน (Global Warming) มักมาคู่กับพฤติกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะการผลิตและการบริโภคสินค้าที่มากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างการใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่ยั่งยืน ถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณสูง

ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน (Global Warming)

  • ด้านสุขภาพ: ภาวะโลกร้อน (Global Warming) สามารถเพิ่มความรุนแรงของโรคต่าง ๆ เช่น โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากมลพิษทางอากาศ โรคติดเชื้อจากยุง (อาทิ โรคมาลาเรีย โรคไข้เลือดออก) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและสภาพภูมิอากาศที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของยุง และโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อน อย่างโรคลมแดด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นในพื้นที่ที่มีปัญหาโลกร้อนและอุณหภูมิสูงขึ้น
  • ด้านภูมิอากาศ: ภาวะโลกร้อน (Global Warming) ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเกิดคลื่นความร้อนที่รุนแรง พายุที่มีความรุนแรงมากขึ้น ฝนตกหนักเกินไปหรือแห้งแล้งเกินไป ทำให้เกิดอุทกภัยและภัยแล้งที่มีผลกระทบต่อทั้งชีวิตมนุษย์และธรรมชาติ
  • ด้านนิเวศวิทยา: ปัญหาโลกร้อนจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอุณหภูมิ ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตด้วย เช่น การสูญพันธุ์ของสัตว์และพืชบางชนิดที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ได้ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารในธรรมชาติและระบบนิเวศที่อาจถูกทำลาย
  • ด้านเศรษฐกิจ: ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) เช่น ความแห้งแล้ง น้ำท่วม หรือพายุที่รุนแรง สามารถทำลายทรัพยากรธรรมชาติและโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ภาคเกษตรกรรม การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ โดยส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงและทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นและระดับประเทศต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ

แนวทางการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน

  1. การลดการใช้พลังงานฟอสซิล: ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ แทนการใช้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติที่เป็นแหล่งพลังงานหลักในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming)
  2. การเพิ่มพื้นที่สีเขียว: การปลูกป่าและอนุรักษ์พื้นที่ป่าที่มีอยู่ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ และลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจากภาวะโลกร้อน
  3. การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ: ไม่อยากให้เกิดปัญหาโลกร้อน ทุกภาคส่วนควรหันมาใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้พลังงาน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน การปรับปรุงระบบการผลิตในโรงงาน และการออกแบบอาคารให้มีประสิทธิภาพด้านพลังงาน
  4. การลดของเสียและการจัดการขยะอย่างเหมาะสม: การลดขยะ การรีไซเคิล การใช้ซ้ำ และการจัดการขยะอินทรีย์ เช่น การเปลี่ยนเป็นปุ๋ยหมัก เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากการฝังกลบขยะ
  5. การสนับสนุนนโยบายและข้อตกลงระหว่างประเทศ: รัฐบาลควรเข้าร่วมข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก เช่น ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) และกำหนดนโยบายที่สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อส่งเสริมให้ทั่วโลกตระหนักถึงภาวะโลกร้อน (Global Warming) และหันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาโลกร้อนร่วมกัน

พลังงานสะอาดช่วยลดภาวะโลกร้อน

พลังงานสะอาด (Clean Energy) มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดภาวะโลกร้อน (Global Warming) เพราะเป็นแหล่งพลังงานที่ไม่ปล่อยหรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณต่ำมากเมื่อเทียบกับพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ได้แก่

  1. พลังงานแสงอาทิตย์: ใช้แสงแดดผลิตไฟฟ้าผ่านแผงโซลาร์เซลล์ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  2. พลังงานลม: ใช้กังหันลมผลิตไฟฟ้า ไม่มีมลพิษและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
  3. พลังงานน้ำ: ใช้พลังงานจากการไหลของน้ำ เช่น เขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  4. พลังงานชีวมวล: ใช้วัสดุอินทรีย์ เช่น เศษไม้และขยะอินทรีย์ ผลิตพลังงาน โดยใช้ทรัพยากรที่เหลือใช้อย่างคุ้มค่า
  5. พลังงานความร้อนใต้พิภพ: ใช้ความร้อนจากใต้ดินผลิตพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากรฟอสซิล
  6. พลังงานไฮโดรเจน: เชื้อเพลิงสะอาดที่ปล่อยไอน้ำแทนก๊าซเรือนกระจก อันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming)